ว่าด้วยเรื่องของ “การเลือกสินค้าจาก Amazon มาขาย” นั้นจริงๆ แล้วก็มีเกล็ดเล็กเกล็ดน้อย มาแนะนำให้สำหรับมือใหม่ได้มีความรู้พื้นฐานกันนะครับ บทความก่อนๆ ที่เกี่ยวกับ Amazon ถ้าคุณได้ติดตามอ่านก็ทำให้คุณได้รู้ว่าแหล่งที่มาของสินค้านั้นมาจากไหน เมื่อเรามีแหล่งที่มาของสินค้าแล้วนั้น เราก็จำเป็นที่จะต้องรู้วิธีการเลือกสินค้าจาก Amazon ด้วยเช่นกัน
การเลือกสินค้าจาก Amazon ก็เป็นสิ่งสำคัญเหมือนกัน สำหรับบางคนที่เลือกสินค้าเก่งๆ รู้จักแนวโน้มของช่วงจำหน่ายสินค้าถ้าเลือกถูกทำดีๆ หน่อยสามารถทำรายได้ให้กับผู้นั้นได้จำนวนมากเลยทีเดียวก็ว่าได้ ดังนั้นการเลือกสินค้าจาก Amazon สักชิ้นหนึ่งจึงมีความสำคัญมากกับการนำสินค้า Amazon มาจำหน่าย เพราะหลายคนที่เป็นตัวแทนจำหน่าย Amazon คงไม่ต้องการเสียเวลากับการเอาสินค้าที่ไม่มีคนต้องการจะซื้อมาจำหน่ายหรอกนะครับ เอาล่ะครับต่อไปผมจะมาพูดเรื่องพื้นฐานของการเลือกสินค้าจาก Amazon มาให้เพื่อนๆ ได้ลองทำความเข้าใจกันนะครับ
การหาสินค้า Amazon ที่น่าจะขายได้แบบรวดเร็ว
การหาสินค้าประเภทนี้จากที่สังเกตุ ที่ได้ทดลองทำมานะครับ สินค้าที่น่าจะหาได้ง่ายๆ และสามารถช่วยให้เราขายได้แบบรวดเร็วก็คือกลุ่มสินค้าที่อยู่ใน หมวดสินค้าขายดี (Best Sellers) สินค้าในกลุ่มนี้จะเป็นสินค้าที่คนซื้อส่วนมากกำลังเป็นที่ต้องการในตลาดสูง ถ้าเราจะนำสินค้าในกลุ่มนี้มาขายจึงทำให้มีปริมาณการค้นหาสินค้าสูง ประสิทธิภาพของการจำหน่ายออกก็มีเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย จากการทดลองที่เคยเลือกสินค้าในกลุ่ม Best Sellers มาจำหน่าย จริงๆ ก็จะมีทั้งข้อดีและข้อเสียประมาณนี้คือ
- ข้อดี ปริมาณการค้นหาของผู้ซื้อจะสูง ประสิทธิภาพการจำหน่ายออกก็มีเพิ่มมากขึ้นทำให้มีโอกาสขายได้ง่ายกว่าสินค้ากลุ่มอื่น
- ข้อดี เป็นสินค้ากำลังเป็นที่นิยมของผู้บริโภค ทำให้จำหน่ายได้ง่ายกว่า
- ข้อดี ถ้าเป็นสินค้าราคาไม่สูงมากและอยู่ในช่วงที่ขายดีทำให้ผู้ซื้อ ซื้อง่ายกว่า
- ข้อเสีย การเลือกสินค้าในหมวดนี้มาขายทำให้มีคู่แข่งการจำหน่ายออกเยอะกว่ากลุ่มอื่น (แต่มีทางออก)
- ข้อเสีย การเลือกสินค้าหมวด Best Sellers ถ้าเลือกสินค้าราคาแพงขาย คุณจำเป็นต้องเจอกับคู่แข่งสูง
- ข้อเสีย พื้นที่การจำหน่ายแต่ละคำค้นหา กว่าจะทำขึ้นหน้าแรกของ search engine ได้ยากพอสมควร
ในเรื่องของข้อดีกับข้อเสีย ก็มาแนะนำพอให้มองพอรู้นะครับ ส่วนการปรับใช้จริงๆ แล้วเราสามารถทำได้ไม่ว่าจะมีคู่แข่งเยอะ แต่ก็ไปเน้นการหาคีเวิร์ดที่คู่แข่งต่ำ อะไรประมาณนี้ ต่อไปสินค้าหมวด Best Sellers ใน Amazon อยู่ที่ไหน ไปเลือกดูได้ที่หน้า Best Sellers ของ Amazon เมื่อเข้าไปแล้วก็จะเห็นสินค้าที่แบ่งไว้ตามหมวดหมู่ ว่าสินค้าในหมวดนี้สินค้าชนิดไหนขายดีที่สุด เราก็สามารถเลือกมาขายได้เลย ที่สำคัญเราควรดูด้วยว่าสินค้าชิ้นที่เราเลือกนั้นมีอยู่ในสต๊อกสินค้าหรือป่าว ถ้าเลือกสินค้าที่หมดสต๊อกมาขาย ก็คงไม่ดีอีกเช่นกัน
ข้อแนะนำ: สำหรับมือใหม่ในการเลือกสินค้า เราควรดูว่า สินค้าชนิดนั้นๆ ที่เราจะเลือกมาควรมี ดาว 4 ดาวขึ้นไป และมีจำนวนคนที่มารีวิวสินค้ามากกว่า 100 คน และลองไปอ่านรีวิวดูว่ามีคนพูดถึงสินค้าชนิดนี้ไปทางที่ดี หรือไม่ดี อย่างไร? … และราคาของสินค้าควรเลือกราคาตั้งแต่ $100 ขึ้นไปเพราะถ้าเราขายได้จะทำให้ได้ค่าคอมฯ พอค่าเหนื่อยหน่อย แต่ถ้าจะเลือกสินค้าราคาต่ำกว่า $100 ถ้าคุณอยากจะเลือกก็เลือกมาได้ แต่ถ้าขายได้ในปริมาณหลายชิ้นก็ทำให้คุณมีรายได้เยอะมากเช่นกัน แล้วแต่เราจะเลือก สินค้าราคาแพงขายชิ้นเดียวได้ค่าคอมฯ เยอะ แต่นานๆ จะขายได้ แต่กลับสินค้าราคาถูก ชิ้นเดียวขายได้ค่าคอมฯ ไม่สูง แต่กับขายได้เรื่อยๆ แบบนี้ก็ย่อมดีกว่าเหมือนกัน แล้วแต่เราจะเลือกนำมาขายกัน
ต่อไปเมื่อเราเลือกสินค้าได้แล้ว เราจะมาแยกหัวข้อ ชื่อย่อยๆ ของสินค้าออกมาอีกเพื่อจะไปหาคีเวิร์ดกันต่อไป
ภาพตัวอย่างด้านล่างเป็นภาพประกอบของการเลือกสินค้า
ชื่อของสินค้า: NETGEAR N750 Dual Band Wi-Fi Gigabit Router (WNDR4300)
จำนวนคนรีวิว: 293 ถือว่ามีคนสนใจสินค้าตัวนี้เยอะเลย ให้คะแนนอยู่ที่: 4 ดาว ดีมากเลยทีเดียว
จากราคาเต็ม: $200.67 วันนี้ขายที่ราคา: $99.97 ลดราคาไป $100.70 คิดเป็น 50% เลยทีเดียว แถมส่งฟรีอีก “โอ้ว…ถ้าคนเป็นคนซื้อคิดยังไง น่าสนใจไหมครับ” ^^
สินค้ามีอยู่ในสต๊อกอยู่แล้ว ไม่ต้องรอ จัดส่งภายใน 1 วัน…ข้อมูลเริ่มต้นของสินค้าตัวอย่างประมาณนี้นะครับ
การหาหัวข้อสินค้า Amazon ย่อยๆ โดยใช้คีย์เวิร์ด
ต่อมาเป็นการที่จะนำชื่อหัวข้อสินค้ามาทำเป็นคีเวิร์ด คำค้นหาของผู้ซื้อกัน เราจะมาดูว่าถ้าเราเลือกสินค้ามาซักหนึ่งชนิดแล้วเราควรจะมาสุ่มเป็นคีเวิร์ ดอย่างไรกัน จากชื่อของสินค้า: NETGEAR N750 Dual Band Wi-Fi Gigabit Router (WNDR4300)
เราจะแยกออกเป็นได้ประมาณนี้ จากการสุ่มตัดคำของสินค้า จะได้คีเวิร์ดออกมาประมาณนี้
- NETGEAR N750
- Wi-Fi Gigabit Router
- WNDR4300
- NETGEAR N750 Dual Band
- NETGEAR N750 Wi-Fi
หลักการก็คือ ตัดชื่อของสินค้าออกมา ชื่อยี่ห้อกับรุ่น ชื่อชนิดกับรุ่น ชื่อรุ่นกับประเภท แล้วแต่เราจะตัดมาจากชื่อเต็ม ให้จำลองตัวคุณเป็นค้นหาสินค้าชนิดนี้ดูว่าถ้าคุณเห็นชื่อสินค้าชนิดนี้แล้วคุณจะใช้คีเวิร์ดอะไรในการค้นหา จริงๆ แล้วสามารถแตกแยกออกไปได้อีกมากมายเลยนะครับ แต่ผมขอยกตัวอย่างในการทำประมาณนี้ก่อน เมื่อได้คีเวิร์ดแล้วไปขั้นตอนต่อไปได้เลย
การหาคีย์เวิร์ดแบบวิเคราะห์เจาะลึก
การหาคีเวิร์ดเราจะเป็นต้องใช้เครื่องมือช่วยในการหาหรือวิเคราะห์ เครื่องมีสำหรับการหาคีเวิร์ดในโลกออนไลน์มีโปรแกรมทั้งที่เสียเงิน และของฟรีมาให้ใช้กันมากมาย แต่นี่เป็นพื้นฐานสำหรับมือใหม่ ผมขอยังไม่พูดถึงการแนะนำไปใช้ของเสียเงินก็แล้วกัน แต่แน่นอนของที่เสียเงินย่อมจะดีกว่าของฟรี แต่ก็ไม่ใช้ว่าของฟรีจะไม่สามารถใช้งานทดแทนได้นะครับ 😉 มาดูกันเลยการวิเคราะคีเวิร์ดขั้นพื้นฐาน
แนะนำให้ใช้เครื่องมือวิเคราะห์คำหลัก Keyword Planner เป็นเครื่องมือวิเคราะห์คำหลักจาก Google ที่มีบริการให้ใช้กันฟรีๆ นะครับ สำหรับมือใหม่ยังไม่เคยเข้าไปใช้งานสมารถเข้าไปสมัครใช้งานได้ที่ https://adwords.google.com/ko/KeywordPlanner/Home ลองสมัครเข้าไปใช้งานดูนะครับ หน้าตาของหน้าการวิเคราะห์ก็จะประมาณนี้
เครื่องมือช่วยวิเคราะห์คำหลักของเรา หลังจากที่เราตัดชื่อของสินค้าแล้วแยกออกเป็นคำๆ แล้วนั้นเราก็จะนำคำเหล่านั้นมาใส่ในเครื่องมือช่วยวิเคราะห์กัน ใส่ในช่องค้นหาแนวคิดคำหลักช่องแรกก่อนนะครับ เพื่อเราจะดูกลุ่มของคำที่เกี่ยวข้องด้วยตัวอย่างผลการวิเคราะห์ได้ตามภาพด้านล่าง
เรามาดูในส่วนที่ตั้งค่ากันก่อน สำหรับการตั้งค่าสถานที่จริงๆ แล้วก็ให้เราเลือกระบุเป็นประเทศไปได้จะดีส่วนมากก็จะเป็นประเทศสหรัฐฯ นะครับสำหรับขายสินค้า Amazon.com แล้วตั้งค่าภาษาที่ใช้คือ อังกฤษ เรามาดูผลวิเคราะห์ที่ได้กันนะครับจากแนวคิดคำหลัก
คำหลักที่มีจำนวนการค้นหาที่ถือว่าเป็นที่น่าสนใจเลยทีเดียวก็มีอยู่สองคำ ที่ขีดเส้นสีแดงไว้ มีแนวโน้มที่ค้นหาเพิ่มขึ้น ถือว่าน่าสนใจเอาคีเวิร์ดสองคำนี้ไปใช้งานได้ แนะนำถ้าจะให้ดีเราควรยึดหลักคีเวิร์ดสองคำนี้ ไปแตกออกอีกว่าคนที่ค้นหาเกี่ยวข้องนี้เค้าใช้คำค้นหาอะไรบ้าง แล้วนำมาวิเคราะห์ถึงปริมาณคู่แข่ง ในหน้าแรกเป็นอย่างไร? เราพอจะสู้เค้าได้ไหม ในส่วนตรงนี้เมื่อได้คีเวิร์ดแล้วจะต้องไปศึกษาควบคู่กับการทำ SEO นะครับ การหาคีย์เวิร์ดแบบวิเคราะห์เจาะลึก เบื้องต้นพื้นฐานสำหรับมือใหม่ก็จะมีประมาณนี้นะครับสามารถเลือกใช้งานได้จากของฟรี เราไปดูการวิเคราะห์ถึงคู่แข่งกันเลยดีกว่า ว่าคีเวิร์ดที่เราได้มานั้น เราจะสามารถแข่งกับผู้ค้ารายอื่นได้มากน้อยเท่าไหร่กัน
การใช้ปลั๊กอิน SEOquake ในการวิเคราะห์คีย์เวิร์ด
ปลั๊กอิน SEOquake เป็นปลั๊กอินที่ช่วยในการวิเคราะห์เว็บคู่แข่งในทางการค้าที่มีแสดงอยู่ใน search engine ในที่นี้เราจะพูดถึง google นะครับ เรามากดูว่าจะมีขั้นตอนการใช้งานอย่างไรกัน ก่อนอื่นคุณจะต้องติดตั้ง SEOquake ก่อนลงในบราวเซอร์ ของคุณแนะนำให้ใช้ google chrome เพราะจากประสบการณ์ที่ได้ใช้มารู้สึกค่อนข้างไวดีในการแสดงผล
วิธีการติดตั้งปลั๊กอิน SEOquake
1. เปิด google chrome ขึ้นมา ไปที่แถบตัวเลือก >> เครื่องมือ >> ส่วนขยาย >> ส่วนขยายเพิ่ม (จะมีให้คลิกอยู่ด้านล่าง) เมื่อคลิกแล้วจะไปที่หน้าการค้นหาส่วนขยายเพิ่ม สำหรับการติดตั้งใช้งาน จากนั้นค้นหา seoquake เมื่อเจอก็กดฟรี ติดตั้งได้เลย
วิธีการใช้งาน ปลั๊กอิน SEOquake
เราจะใช้งานสำหรับการวิเคราะห์เว็บไซต์ที่แสดงอยู่ในแต่ละหน้าของ google ดูว่ามี PR เท่าไหร่ Back link เยอะไหม? แล้วอายุเว็บเก่าแล้วหรือยังผมจะมาอธิบายขั้นพื้นฐานให้ฟังพอคร่าวๆ ก็แล้วกันว่าจะไปใช้งานกันยังไง จากภาพตัวอย่างด้านล่าง
จากภาพตัวอย่าง หลังจากที่เราได้ติดตั้ง SEOquake แล้วเราจะเห็น มีแถบแสดงค่าต่างๆ ขึ้นมาใต้เว็บไซต์แต่ละเว็บไซต์ที่โชว์อยู่หน้าของ google นะครับ นี่แหละครับคือเบื้องต้นที่เราจะใช้วิเคราะห์ จาก Keyword คำหลักที่เราเลือกมานั้นเมื่อมาค้นหาดูคู่แข่งใน google แล้วเค้าเป็นอย่างไรกันบ้าง
ตัวอย่างคำที่เลือกมาคือ netgear n750
- ผลการค้นหามีจำนวนเว็บไซต์ที่มีข้อมูลเกี่ยวข้องกับ keyword นี้มีทั้งหมด 732,000 หน้า แต่จริงๆ แล้วมีไม่ถึงหรอกครับ ถ้าจะให้ดีลองคลิกไล่ดูไปทีละหน้าจนถึงหน้าสุดท้ายบางที ก็มีไม่ถึงครับ
- จากเว็บที่ขึ้นโชว์อันดับที่ 1 ของหน้าแรก มีค่า PR 3 แข็งมาก แล้วก็มี BL เยอะมาก เพราะเนื่องด้วยเป็นเว็บไซต์หลักของยี่ห้อผลิตภัณฑ์ของเค้าครับ ไม่ต้องแปลกในว่าทำไมอยู่หน้าแรก
- เราก็ไล่ลงมาดูเรื่อยๆ ตามตัวอย่างมาดูเว็บที่ 2 มีค่า PR 3 BL เยอะ อายุเว็บก็เก่านานมากแล้ว ถ้าเราจะมาแทนที่ตำแหน่งนี้ ยากครับ หยุดคิดไปเลย
ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้ว อันนี้เป็นการสาธิตให้ดูว่ารูปแบบการนำมาใช้งานก็จะประมาณนี้ ผมจะแนะนำหลักของการดูนะครับ ถ้าจากคีเวิร์ดที่เราเลือกมานั้น ถ้าผ่านการวิเคราะห์มาแล้วมีคนค้นหามากกว่า 1000 ครั้งต่อเดือน จับมาได้ครับ แล้วเอามาค้นหาในหน้าแรกดูโดยใช้เครื่องมือ SEOquake ช่วย ที่ควรดูคือ เว็บไซต์ในหน้าแรกไม่ควรมี PR สูง มี Back link ไม่มากจนเกินไป อายุเว็บไมาเก่ามาก ถ้ามี PR เป็น n/a จะดีมาก เพราะคงไม่มี rank อะไรมากหรอก
ส่วนที่ต้องดูเพิ่มในการวิเคราะห์ดูจาก Keyword ในการค้นหาที่มีอยู่หน้าแรกคือ
- มี Keyword ในหัวเรื่องของเว็บไซต์ไหม?
- มี Keyword ในโดเมนเนมไหม?
- มี Keyword ในซับหัวเรื่องไหม และใน URL บทความนั้นไหม?
ถ้าไม่มีด้วยแล้ว และผ่านจากการวิเคราะห์ด้านบนแล้ว เตรียมจัดเต็ม…ในขั้นตอนต่อไปได้เลย อิอิ จากข้างต้นที่กล่าวมาเกี่ยวกับเรื่องวิธีเลือกสินค้าจาก Amazon มาขาย จริงๆ แล้วก็มีอีกเยอะนะครับ วันนี้ว่างเลยมานั่งๆ เขียนบอกเล่าให้ฟังขั้นพื้นฐานทั่วไปสำหรับมือใหม่ ต้องค่อยๆ เริ่มต้นหัดทำจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เริ่มต้นด้วยง่ายๆ แบบนี้แหละครับ ถ้าทำบ่อยๆ แล้วสำหรับมือเก่าๆ เค้าจะรู้เลยว่ายังมีอีกมากมายที่มากกว่านี้ที่ผมเองยังไม่ได้กล่าวไว้ในบทความ แต่อย่างไรก็ตามหวังว่าคงเป็นประโยชน์ต่อท่านที่คอยแวะเวียนเข้ามาอ่านกันนะครับ
ฺBL คื่ออะไรครับ
Back link ครับ
น่าจะ Back Link ครับ